วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ระบบคลังสินค้า


ขั้นตอนที่1 
การค้นหาและเลือกสรรโครงการ
แผนกคลังสินค้า
                มีหน้าที่   รับผิดชอบดำเนินการเรื่องสินค้าต่างการจัดเก็บสินค่างสินค้า
 ปัญหาในแผนกคลังสินค้า
                1.เอกสารมีจำนวนมากทำให้จัดเก็บไม่เป็นระเบียบและเสี่ยงต่อการสูญหายได้ง่าย
                2. การค้นเอกสารระหว่างการทำงานหรือค้นหาย้อนหลังทำได้ยาก เนื่องจากเอกสารมากทำให้เสียเวลา
                3. เวลามีสินค้าเข้าใหม่ จดบันทึกได้ยาก
                4. การตรวจสอบทำได้ยาก เนื่องจากเอกาสารมีมาก
                5. เสี่ยงต่อการปลอมแปลงเอกสารง่าย
                6. หากมีการทำรายการผิดพลาดจะก่อให้เกิดความเสียหาย

วัตถุประสงค์
                เพื่อจัดทำระบบงานด้านคลังสินค้าให้มีความสะดวกต่อผู้ใช้ระบบ และพัฒนาการจัดการระบบงานคลังให้มีประสิทธิจากเดิมที่เคยมีปัญหาในด้านต่างๆ

การเสนอแนวทางเลือก ในการนำระบบพัฒนาระบบงานบัญชีมาใช้งาน
หลังจากที่ได้วิเคราะห์ระบบเดิมและพบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นคือทำให้การขายสินค้าและประชาสัมพันธ์นั้นลำบาก อีกทั้งมีปัญหาในเรื่องของการเบิกจ่ายและการสั่งซื้ออาจทำให้เกิดความซับซ้อนของข้อมูล ทำให้การขายสินค้าลดน้อยลงเพื่อลดปัญหาต่างๆลง ได้มีการเสนอโครงการพัฒนาระบบใหม่ขึ้นทางทีมงานได้รวมรวบข้อมูลจากผู้ใช้ที่เกี่ยวข้องและนำเสนอผู้บริหารจากนั้นจึงได้จำลองขั้นตอนการทำงานของระบบใหม่นำเสนอให้ผู้บริหารและผู้ใช้ระบบเพื่อตรวจสอบความถูกต้องและนำมาแก้ไขให้ตรงตามความต้องการ โดยมีแนวทางเลือกใน
ทางเลือกที่ 1 การจัดซื้อซอฟต์แวร์สำเร็จรูป (Packaged Software)
ทางเลือกที่ 2 ว่าจ้างบริษัทจากภายนอกเพื่อพัฒนาระบบ (Outsourcing)
ทางเลือกที่ 3 ใช้ทีมงานเดิมพัฒนาและติดตั้งระบบ (In-House Development)






สรุปผลการประเมินแนวทางเลือกที่ 1
                ทางทีมงานได้ทำการประเมินผลแนวทางเลือกซอฟต์แวร์ที่เหมาะสม โดยกำหนดเกณฑ์การให้น้ำหนัก (คะแนน) เชิงปริมาณเปรียบเทียบไว้เป็น 4 ระดับ ดังนี้
                น้ำหนักเท่ากับ 4 ช่วงคะแนน 100-90 เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์ที่ได้ ดีมาก
                น้ำหนักเท่ากับ 3 ช่วงคะแนน 89-70 เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์ที่ได้ ดี
                น้ำหนักเท่ากับ 2 ช่วงคะแนน 69-50 เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์ที่ได้ พอใช้
                น้ำหนักเท่ากับ 1 ช่วงคะแนน 49-30 เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์ที่ได้ ปรับปรุง
เกณฑ์ที่ได้ พอใช้
น้ำหนักเท่ากับ 1 ช่วงคะแนน 69-50 เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์ที่ได้ พอใช้


สรุปผลการประเมินแนวทางเลือกที่ 1
       สรุปผลการประเมินแนวทางเลือกและคัดเลือกซื้อ Software  B มาใช้งาน เนื่องจากมีความเหมาะสมและตรงกับความต้องการมากที่สุด
ทางเลือกที่ 2 : ว่าจ้างบริษัทภายนอกเพื่อพัฒนาระบบ มีรายละเอียดดังตารางต่อไปนี้




การประเมินแนวทางเลือกที่ 2
                ทางทีมงานได้ทำการประเมินผลแนวทางเลือกซอฟต์แวร์ที่เหมาะสม โดยกำหนดเกณฑ์การให้น้ำหนัก (คะแนน) เชิงปริมาณเปรียบเทียบไว้เป็น 4 ระดับ ดังนี้
                น้ำหนักเท่ากับ 4 ช่วงคะแนน 100-90 เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์ที่ได้ ดีมาก
                น้ำหนักเท่ากับ 3 ช่วงคะแนน 89-70 เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์ที่ได้ ดี
                น้ำหนักเท่ากับ 2 ช่วงคะแนน 69-50 เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์ที่ได้ พอใช้
                น้ำหนักเท่ากับ 1 ช่วงคะแนน 49-30 เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์ที่ได้ ปรับปรุง

สรุปผลการประเมินแนวทางเลือกที่ 2
        สรุปผลการประเมินแนวทางเลือกและคัดเลือกว่าจ้างบริษัทติดตั้งระบบ B มาใช้งาน เนื่องจากมีความเหมาะสมและตรงกับความต้องการมากที่สุด
แนวทางเลือกที่ 3: ใช้ทีมงานเดิมพัฒนาและติดตั้งระบบ มีรายละเอียดเพิ่มเติมดังตารางต่อไปนี้




การประเมินแนวทางเลือกที่ 3 ไม่มี ในที่นี้ไม่มีข้อเปรียบเทียบ
สรุปผลการประเมินแนวทางเลือกที่ 3
         ทางทีมงานพิจารณาแล้วว่า มีขีดความสามารถที่จะพัฒนาระบบได้ตามข้อกำหนดคุณสมบัติทางเทคนิคและความต้องการของผู้ใช้งานตามที่จัดทำ โดยใช้ระยะเวลาดำเนินการจำนวนทั้งสิ้น 6 เดือน และมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจำนวนเงินทั้งสิ้น 300,000 บาท (ค่าเงินเดือน ค่าอุปกรณ์ ค่าล่วงเวลา ค่าเบ็ดเตล็ด และค่าสำ รองฉุกเฉิน เป็นต้น)

เปรียบเทียบแนวทางเลือกทั้งสาม
        ผลจากการพิจารณาแนวทางเลือกของทีมงานจากทั้งสามแนวทาง จะนำ เสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะผู้บริหารเพื่อพิจารณา เลือกแนวทางตามที่ได้นำ เสนอจากทีมงานพัฒนา พร้อมข้อเสนอแนะในแต่ละแนวทางเลือกหลักทั้งสาม โดยมีรายละเอียดดังนี้



ผู้บริหารเลือกแนวทางที่ดีที่สุด
หลังจากหัวหน้าทีมงานได้เสนอแนวทางเลือก โดยจัดทำข้อมูลเปรียบเทียบและข้อเสนอแนะแก่ทีมผู้บริหาร โดยใช้กฎเกณฑ์การให้น้ำหนัก (คะแนน) ดังตารางต่อไปนี้

 สรุปผลการประเมินโดยทีมงานผู้บริหาร
ทางทีมงานผู้บริหารได้พิจารณาตัดสินใจเลือกแนวทางใช้ทีมงานเดิมพัฒนาและติดตั้งระบบ (In-House Development) เนื่องจากมีความเหมาะสมและตรงกับความต้องการมากที่สุด นอกจากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและความคุ้มค่าในการลงทุนแล้ว ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีของพนักงานภายในบริษัท พร้อมทั้งได้กำหนดมาตรการและมอบหมายแก่ผู้บังคับบัญชาโดยตรง คอยควบคุมดูแลทีมงานพัฒนาให้ดำเนินการเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้


ขั้นตอนที่ 2
การเริ่มต้นและวางแผนโครงการ 

เป้าหมาย
นำระบบสาระสนเทศเพื่อการพัฒนาระบบการตลาด การประชาสัมพันธ์และระบบบุคคลของบริษัทเพื่อสร้างรายได้แก่บริษัทและความพึงพอใจของลูกค้า

วัตถุประสงค์
โครงการการพัฒนาระบบการตลาด การประชาสัมพันธ์และระบบบุคคลของบริษัท มีวัตถุประสงค์ของการดำเนินงานเพื่อวิเคราะห์  ออกแบบ  และพัฒนาให้เป็นระบบงานตลาดและการประชาสัมพันธ์ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้  ได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพ

ขอบเขตของระบบ
โครงการพัฒนาระบบการการพัฒนาระบบคลังสินค้าได้มีการจัดทำขึ้นโดยการว่าจ้างบริษัท B มารับผิดชอบโครงการ พร้อมกันนี้ได้กำหนดขอบเขตของระบบนี้มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
                ระบบต้องมีการวางแผนการตลาด
                ระบบต้องทำงานได้เร็วและสะดวก
                ระบบต้องมีการประชาสัมพันธ์ที่ดึงดูดลูกค้า
                ระบบมีการผิดพลาดที่น้อยที่สุด
                ระบบต้องมีความถูกต้องและแม่นยำได้
ปัญหาที่พบจากระบบเดิม
               1.เอกสารมีจำนวนมากทำให้จัดเก็บไม่เป็นระเบียบและเสี่ยงต่อการสูญหายได้ง่าย
                2. การค้นเอกสารระหว่างการทำงานหรือค้นหาย้อนหลังทำได้ยาก เนื่องจากเอกสารมากทำให้เสียเวลา
                3. เวลามีสินค้าเข้าใหม่ จดบันทึกได้ยาก
                4. การตรวจสอบทำได้ยาก เนื่องจากเอกาสารมีมาก
                5. เสี่ยงต่อการปลอมแปลงเอกสารง่าย
                6. หากมีการทำรายการผิดพลาดจะก่อให้เกิดความเสียหาย
แนวทางในการพัฒนา
     การพัฒนาระบบของบริษัท Oishi เป็นการพัฒนาระบบในส่วนของ ของระบบกาตลาดและระบบบุคคล ประชาสัมพันธ์ ในส่วนของระบบการตลาดในบริษัทเพื่อเพิ่มรายได้ของบริษัท สร้างภาพพจน์ที่ดีขึ้น ตามความต้องการในระบบใหม่ที่ทีมงานได้รวบรวมจากผู้ใช้ที่เกี่ยวข้องดังกล่าว และผ่านการอนุมัติให้ดำเนินโครงการแล้วจากนั้นจึงได้จำ ลองขั้นตอนการทำ งานของระบบใหม่นำเสนอให้ผู้บริหารและผู้ใช้ระบบเพื่อตรวจสอบความถูกต้องและนำ มาแก้ไขให้ตรงตามความต้องการ
1.   การค้นหาและเลือกสรรโครงการ
2.   การเริ่มต้นและการวางแผนโครงการ
3.   การวิเคราะห์ระบบ
4.   การออกแบบเชิงตรรกะ
5.   การออกแบบเชิงกายภาพ
6.   การพัฒนาและติดตั้งระบบ
7.   การประชาสัมพันธ์

1. ทีมงานรับผิดชอบโครงการ
 ทีมงานผู้รับผิดชอบโครงการที่จะได้รับมอบหมาย คือ บุคลากรแผนกการตลาดทั้งคนจะดำรงตำแหน่งหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ดังต่อไปนี้
พนักงานการตลาด   มีหน้าที่ ตรวจสอบการเคลื่อนไหวการตลาด เก็บรวบรวมข้อมูลการส่งออกสินค้าให้แก่ลูกค้าและติดต่อประสานงานแก่ด้านอื่นๆ
บุคลากรการคลังสินค้า มีหน้าที่ ตรวจสอบความถูกต้องของสินค้าที่จะส่งออกไปจำหน่ายแก่ลูกค้าเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด
ประชาสัมพันธ์ มีหน้าที่ ประชาสัมพันธ์ บอกรายละเอียดคุณสมบัติแก่ลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าเกิดความเชื่อถือในการซื้อสินค้าของบริษัท
2. ประมาณการใช้แหล่งทรัพยากร
ปัจจุบันทางบริษัทใช้ระบบเครือข่าย LAN อยู่แล้วมีรายละเอียดต่อไปนี้
1.เครื่องแม่ข่าย server จำนวน 1 เครื่อง
2.เครื่องลูกข่าย (Workstation) จำนวนเครื่อง
3.เครื่องพิมพ์ (Printer) 3 เครื่อง


สรุปแล้วงบประมาณที่ใช้พอสรุปในของแต่ละฝ่ายได้ดังนี้

1.  ผู้จัดการ
ค่าตอบแทนสำหรับทีมงานพัฒนา
พนักงานการตลาด บุคลากรคลังสินค้าและประชาสัมพันธ์                      400000
2.พนักงาน
ฝึกอบรมพนักงานและผู้บริหาร 10 คน                                                           20000
วันฝึกอบรมผู้ดูแลระบบ                                                                                       2000
3.จัดชื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์:
เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้เป็นworkstation                                                         80000           
อื่นๆ                                                                                                                       18000
4.ค่าใช้จ่ายระหว่างดำเนินงาน
ค่าบำรุงระบบ                                                                                                      25000
จัดชื่อเก็บข้อมูลสำรอง
                                                                                       15000
รวม                                                                                                               740000
ประมาณการระยะเวลาดำเนินงาน
ระยะเวลาการดำเนินงานของโครงการส่งเสริมการขาย จะใช้เวลาประมาณ 3 เดือนจากเดือนสิงหาคม 2555 ถึงเดือนตุลาคม 2555 เป็นระยะเวลาในการดำเนินงานของการพัฒนาระบบของบริษัท

ระยะเวลาดำเนินงาน 

- จำนวนวันที่ทีมงานต้องดำเนินงานไม่รวมวันหยุด อาทิตย์ละ6 วัน
-
 จำนวนชั่วโมงจริงในการทำงานในแต่ละวัน หรือส่วนหนึ่งของการประมาณระยะเวลาที่กำหนดไว้ นั่นคือ 8 ชั่วโมงต่อวัน ไม่รวมช่วงพักเที่ยง

รายงานสรุปผลสำหรับผู้บริหาร 

จากการที่ได้ศึกษาโครงการส่งเสริมการขายปัญหาที่พบในระบบ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการปฏิบัติงานของบริษัท พนักงาน และอาจจะส่งผลต่อลูกค้า เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของการปฏิบัติงาน ในด้านการบริการ และทางระบบสารสนเทศ ทางบริษัทจึงต้องจัดทำแผนพัฒนาระบบใหม่ขึ้น เพื่อที่จะนำไปพัฒนาระบบบริษัทเครื่องดื่มต่างๆ
ทั้งนี้ทางทีมงานจึงได้พัฒนาระบบ และได้ศึกษาความเป็นไปได้ทั้ง
 3 ด้านของระบบนี้ประกอบด้วย ความเป็นไปได้ทางการตลาด ความเป็นไปได้ทางการปฏิบัติงาน และความเป็นไปได้ทางด้านระยการดำเนินงาน จะเป็นข้อมูลไว้ช่วยสนับสนุนโดยนำมาใช้งานดังต่อไปนี้

 1. ความเป็นไปได้ทางด้านเทคนิค ทำการศึกษาทั้งทางด้าน Hardware และ Softwareของระบบเดิม ปรากฏว่าใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เชื่อมต่อบนเครือข่ายแบบ LAN Application ที่ใช้ได้แก่

- Microsoft Excel
- Microsoft Word
โปรแกรมสำเร็จรูปเพื่องานคลังสินค้า
2. ความเป็นไปได้ทางด้านการปฏิบัติงาน ทำการศึกษาทางด้านการปฏิบัติงานของผู้ใช้กับระบบใหม่ที่จะนำมาใช้ จากการสอบถามข้อมูลพบว่า ระบบใหม่มีความเป็นไปได้ในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับการบริหารงานบุคคลที่มีอยู่เดิม ทั้งยังสามารถใช้ข้อมูลร่วมกันได้ ซึ่งช่วยลดปัญหาการนำข้อมูลที่ไม่ถูกต้องไปใช้งานได้ และลดขั้นตอนการทำงานที่ซ้ำซ้อนลงได้
3. ความเป็นไปได้ทางด้านระยะเวลา ระยะเวลาในการดำเนินงานของโครงการพัฒนาระบบ ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 3 เดือน ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2555 ถึง เดือนตุลาคม 2555 ในการดำเนินงานพัฒนาระบบของบริษัท



ขั้นตอนที่ 3
การกำหนดความต้องการของระบบ

การกำหนดความต้องการของระบบ

เมื่อโครงการพัฒนาระบบการตลาด ได้รับการอนุมัติจากการนำเสนอโครงการในขั้นตอนที่ผ่านมา ดั้งนั้นจึงเริ่มต้นด้วยความการเก็บรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากระบบเดิม ในการกำหนดความต้องการครั้งนี้ ทีมงานเลือกใช้วิธีการออกแบบสอบถาม (Questionnaire)

-  ออกแบบสอบถาม (Questionnaire)

บุคคลผู้ตอบแบบสอบถามคือ “พนักงานการตลาด” การใช้แบบสอบถามเพื่อเก็บข้อมูลในส่วนที่ต้องการพัฒนา เนื่องจากทีมงานสามารถควบคุมหัวข้อคำถามที่ต้องการรายละเอียดได้มากกว่าการสัมภาษณ์ ไม่ต้องมีกาจดบันทึก ไม่รบกวนเวลาทำงานของพนักงานการตลาดมากนัก สามารถเก็บข้อมูลได้มากตามการตั้งคำถามในแบบสอบถาม อีกทั้งผู้ตอบแบบสอบถามจะรู้สึกมีอิสระในการให้ข้อมูล

ข้อมูลและเอกสารของระบบงานเดิมที่รวบรวมได้ 
จากการที่ทีมงานได้เก็บรวบรวมข้อมูลของระบบเดิม ด้วยวิธีการออกแบบสอบถาม สามารถสรุปข้อมูลที่ได้รับดังนี้

1. ข้อมูลระบบคอมพิวเตอร์ของระบบเดิม

2. ความต้องการในระบบใหม่

3. ตัวอย่างเอกสาร แบบฟอร์ม และรายงานของระบบเดิม

1. ข้อมูลระบบคอมพิวเตอร์ของระบบเดิม 
ทางบริษัทใช้ระบบเครือข่าย LANประกอบด้วย1.1 เครื่องแม่ข่าย จำนวน 1 เครื่อง ใช้ซอฟต์แวร์เครือข่าย Windows Server 2007
1.2 เครื่องลูกข่าย จำนวน 10 เครื่อง ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows XP
และซอฟต์แวร์สำหรับงานสำนักงาน Microsoft Office 2007
ฝ่ายการขายใช้ซอฟต์แวร์ Microsoft Excel ในการคำนวณยอดขายสินค้าของแต่ละวัน
ฝ่ายคลังสินค้าใช้ซอฟต์แวร์สำเร็จรูประบบคลังสินค้า
1.3 อุปกรณ์ต่อพ่วง ได้แก่ เครื่องพิมพ์เลเซอร์จำนวน 3 เครื่อง
2. ความต้องการในระบบใหม่ 
2.1 คำนวณจำนวนสินค้าอัตโนมัติ
2.2 สามารถแจ้งเตือนเมื่อมีการขาดส่งสินค้าเกินกำหนดได้อัตโนมัติ
2.3 สามารถคำนวณสินค้าทั้งหมดที่ส่งแล้ว
2.4 สามารถค้นหาข้อมูลของลูกค้าได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น
3. ความต้องการของระบบใหม่ของผู้ใช้ 
จากการรวบรวมความต้องการของระบบใหม่ทำให้ทีมงานได้ข้อมูลเพิ่มเติม จังได้นำมาวิเคราะห์หาขั้นตอนการทำงานของระบบใหม่ตามความต้องการดังนี้
1. สามารถเรียกดูข้อมูลได้รวดเร็วขึ้น
2. สามารถแก้ไข ปรับปรุงข้อมูลได้โดยสะดวก
3. เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
4. การจัดทำรายงานมีความสะดวกรวดเร็วขึ้น
5. พนักงานทุกฝ่ายสามารถใช้ข้อมูลร่วมกันได้
เพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการดังกล่าว สามารถแบ่งการทำงานออกเป็น 3 ระบบดังนี้
1. ระบบการส่งเสริมการตลาด จะสร้างความเชื่อมั่น และกระตุ้นการตลาด มุ่งสู่ผู้บริโภค และเป็นการสนับสนุนให้เกิดแรงจูงใจในการซื้อสินค้ากับทางบริษัท
2. ระบบบุคคล เป็นระบบที่ทำการตรวจเช็คสินค้าให้เพียงพอแก่การส่งออกในท้องตลาด
3. ระบบประชาสัมพันธ์ เป็นระบบที่เกี่ยวข้องกับการประชาสัมพันธ์สินค้า รวมทั้งการบอกรายละเอียด คุณสมบัติ ของสินค้า เพื่อให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจ พอใจ ในการซื้อสินค้านั้นๆ



ขั้นตอนที่ 4
แบบจำลองขั้นตอนการทำงานของระบบ
            จาการวิเคราะห์ความต้องการระบบใหม่ที่รวบรวมมาได้จากผู้ใช้ระบบ โดยสามารถจำลองได้ด้วยแผนภาพกระแสข้อมูล (Data Flow Diagram) ดังนี้





อธิบาย Context  Diagram
Context Diagram ระบบบัญชี เป็นระบบการทำงานจัดการรายได้และรายจ่ายของบริษัทรวมถึงการจัดสรรเงินงบประมาณให้กับแผนกต่างๆ มีผู้ใช้ระบบคือหัวหน้าบัญชีกับพนักงานบัญชี ซึ่งมีสิทธ์และหน้าที่การใช้งานดังนี้
หัวหน้าบัญชี
               -   เข้าระบบได้ เป็นผู้เพิ่ม/ลบ/
                        -   เรียกดูข้อมูลสินค้า ทั้งในปัจจุบันและย้อนหลังได้ พร้อมสั่งพิมพ์รายงานได้
-      สามารถดูการสั่งซื้อสินค้าของลูกค้าได้


พนักงานบัญชี
               -   เข้าระบบได้ สามารถเพิ่ม/ลบ/แก้ไข ข้อมูล
               -   เรียกดูข้อมูลสินค้า ทั้งในปัจจุบันและย้อนหลังได้ พร้อมสั่งพิมพ์รายงานได้
อธิบาย Dataflow Diagram Level 0
Process 1.0 ระบบ Log-in
            ผู้ใช้ระบบจะต้องทำการล็อกอินเพื่อเข้าไปใช้ระบบ ระบบจะทำการตรวจสอบข้อมูลที่มีอยู่ในแฟ้มข้อมูล D1 ถ้าข้อมูลถูกต้องก็จะสามารถเข้าใช้ระบบได้ แต่ถ้าข้อมูลไม่ถูกต้องระบบจะแจ้งกลับไปยังผู้ใช้
Process 2.0 ระบบการสั่งซื้อ
            หัวหน้าแผนกคลังสินค้าสามารถเข้าไประบบเพื่อไปดูข้อมูลที่ลูกค้าสั่งซื้อได้
Process 3.0 ระบบสินค้า
            พนักงานสามารถเรียกดูข้อมูลสินค้าได้
Process 4.0  ระบบพิมพ์รายงาน
            สามารถพิมพ์รายงานข้อมูลสินค้าได้







รายการ
 
พิมพ์รายการ
 
รายงานสินค้า
 

3.0
 
4.0
 
ยืนยันการเข้าระบบ
 
Loginเข้าระบบ
 


2.0
 




พนักงานแผนกคลัง
 
                                                                

 


อธิบาย Dataflow Diagram Level 1
















Process 1.1 ระบบ Log-in
            ผู้ใช้ระบบจะต้องทำการล็อกอินเพื่อเข้าไปใช้ระบบ ระบบจะทำการตรวจสอบข้อมูลที่มีอยู่ในแฟ้มข้อมูล D2 ถ้าข้อมูลถูกต้องก็จะสามารถเข้าใช้ระบบได้ แต่ถ้าข้อมูลไม่ถูกต้องระบบจะแจ้งกลับไปยังผู้ใช้
Process 2.1 ระบบสังซื้อสินค้า
            หัวหน้าแผนกสามารถเข้าไปดูว่าลูกค้าสั่งซื้อะไรบ้าง
 Process 3.1 ระบบสินค้า
            สามารถดูข้อมูลสินค้าที่ยังมิยู่ในคลังเพื่อทำการสั่งซื้อ















 
Process 1.2 ระบบ Log-in
            ผู้ใช้ระบบจะต้องทำการล็อกอินเพื่อเข้าไปใช้ระบบ ระบบจะทำการตรวจสอบข้อมูลที่มีอยู่ในแฟ้มข้อมูล D4 ถ้าข้อมูลถูกต้องก็จะสามารถเข้าใช้ระบบได้ แต่ถ้าข้อมูลไม่ถูกต้องระบบจะแจ้งกลับไปยังผู้ใช้
Process 2.2 ระบบสินค้า
            สามารถดูข้อมูลสินค้าที่ยังมิยู่ในคลังเพื่อเช็คสินค้า ว่าเม่าไร วันที่ วันหมดอายุ จำนวนสินค้า รยการสินค้า



ขั้นตอนที่5
การออกแบบ User Interface



หน้า log in ผู้เข้าใช้งานจะต้องกรอก username และ passwordเพื่อ log in เข้าสู่ระบบก่อนทุกครั้งจึงจะสามารถทำงานในระบบได้



ระบบสั่งซื้อ
เรียกดูรายการสินค้าที่ลูกค้าสั่งซื้อ
ระบบรายจ่าย -นำเอารายรับที่ได้ มาคำนวณ รายรับทั้งหมด


ระบบสินค้า
เช็คสินค้าที่มีอยู่ในคลัง ดูประเภทสินค้า อายุผลิตภัณท์ จำนวน สามารถพิ่มลบแก้ไข ข้อมูลได้




ขั้นตอนที่ 6
การพัฒนาและติดตั้งระบบระบบ
                ทีมงานได้จัดทำ คู่มือและเอกสารการใช้โปรแกรมของระบบตรวจเช็คสินค้าเพื่อให้ผู้ใช้ระบบสามารถเข้าใจการทำงานของโปรแกรมได้มากยิงขึ้น โดยมีรายละเอียดดังนี้
                1 ระบบลอกอิน เป็นระบบที่สามารถเข้าสู่ระบบเพื่อ เข้าไปเพิ่มลบแก้ไขข้อมูลได้
              2 ระบบสั่งซื้อ เปนการจัดการการสั่งซื้อสินค้าขอลลูกค้า
               3 ระบบสินค้า  เป็นการจัดการรายการสินค้าที่มีอยู่ในคลัง

ขั้นตอนที่ 7
การซ่อมบำรุง

                การซ่อมบำรุงนั้นจะขึ้นอยู่กับผู้พัฒนาระบบว่าระบบนั้นมีปัญหาอะไรบ้างจะอยู่ในความดูแลของผู้พัฒนาระบบมีการดูแลระบบอย่างต่อเนื่อง  ผู้พัฒนาระบบจะค่อยอัพเดตซอฟต์แวร์ใหม่ๆที่ทันสมัยเพื่อให้โปรแกรมใช้ง่ายขึ้นกว่าเดิมและเพิ่มประสิทธิภาพ  หากมีปัญหาเกิดขึ้นผู้พัฒนาระบบจะทำการซ่อมแซมระบบอย่างรวดเร็ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น