แผนกคลังสินค้า
มีหน้าที่ รับผิดชอบดำเนินการเรื่องสินค้าต่างการจัดเก็บสินค่างสินค้า
ปัญหาในแผนกคลังสินค้า
1.เอกสารมีจำนวนมากทำให้จัดเก็บไม่เป็นระเบียบและเสี่ยงต่อการสูญหายได้ง่าย
2. การค้นเอกสารระหว่างการทำงานหรือค้นหาย้อนหลังทำได้ยาก
เนื่องจากเอกสารมากทำให้เสียเวลา
3. เวลามีสินค้าเข้าใหม่ จดบันทึกได้ยาก
4. การตรวจสอบทำได้ยาก เนื่องจากเอกาสารมีมาก
5. เสี่ยงต่อการปลอมแปลงเอกสารง่าย
6. หากมีการทำรายการผิดพลาดจะก่อให้เกิดความเสียหาย
วัตถุประสงค์
เพื่อจัดทำระบบงานด้านคลังสินค้าให้มีความสะดวกต่อผู้ใช้ระบบ
และพัฒนาการจัดการระบบงานคลังให้มีประสิทธิจากเดิมที่เคยมีปัญหาในด้านต่างๆ
การเสนอแนวทางเลือก ในการนำระบบพัฒนาระบบงานบัญชีมาใช้งาน
หลังจากที่ได้วิเคราะห์ระบบเดิมและพบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นคือทำให้การขายสินค้าและประชาสัมพันธ์นั้นลำบาก
อีกทั้งมีปัญหาในเรื่องของการเบิกจ่ายและการสั่งซื้ออาจทำให้เกิดความซับซ้อนของข้อมูล
ทำให้การขายสินค้าลดน้อยลงเพื่อลดปัญหาต่างๆลง
ได้มีการเสนอโครงการพัฒนาระบบใหม่ขึ้นทางทีมงานได้รวมรวบข้อมูลจากผู้ใช้ที่เกี่ยวข้องและนำเสนอผู้บริหารจากนั้นจึงได้จำลองขั้นตอนการทำงานของระบบใหม่นำเสนอให้ผู้บริหารและผู้ใช้ระบบเพื่อตรวจสอบความถูกต้องและนำมาแก้ไขให้ตรงตามความต้องการ โดยมีแนวทางเลือกใน
ทางเลือกที่ 1 การจัดซื้อซอฟต์แวร์สำเร็จรูป (Packaged
Software)
ทางเลือกที่ 2 ว่าจ้างบริษัทจากภายนอกเพื่อพัฒนาระบบ (Outsourcing)
ทางเลือกที่ 3 ใช้ทีมงานเดิมพัฒนาและติดตั้งระบบ (In-House
Development)
สรุปผลการประเมินแนวทางเลือกที่ 1
ทางทีมงานได้ทำการประเมินผลแนวทางเลือกซอฟต์แวร์ที่เหมาะสม
โดยกำหนดเกณฑ์การให้น้ำหนัก (คะแนน) เชิงปริมาณเปรียบเทียบไว้เป็น 4 ระดับ ดังนี้
น้ำหนักเท่ากับ 4 ช่วงคะแนน 100-90 เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์ที่ได้ ดีมาก
น้ำหนักเท่ากับ 3 ช่วงคะแนน 89-70 เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์ที่ได้ ดี
น้ำหนักเท่ากับ 2 ช่วงคะแนน 69-50 เปอร์เซ็นต์
เกณฑ์ที่ได้ พอใช้
น้ำหนักเท่ากับ 1 ช่วงคะแนน 49-30
เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์ที่ได้ ปรับปรุง
เกณฑ์ที่ได้
พอใช้
น้ำหนักเท่ากับ 1 ช่วงคะแนน 69-50 เปอร์เซ็นต์
เกณฑ์ที่ได้ พอใช้
สรุปผลการประเมินแนวทางเลือกที่ 1
สรุปผลการประเมินแนวทางเลือกและคัดเลือกซื้อ Software
B มาใช้งาน
เนื่องจากมีความเหมาะสมและตรงกับความต้องการมากที่สุด
ทางเลือกที่ 2
: ว่าจ้างบริษัทภายนอกเพื่อพัฒนาระบบ มีรายละเอียดดังตารางต่อไปนี้
การประเมินแนวทางเลือกที่ 2
ทางทีมงานได้ทำการประเมินผลแนวทางเลือกซอฟต์แวร์ที่เหมาะสม
โดยกำหนดเกณฑ์การให้น้ำหนัก (คะแนน) เชิงปริมาณเปรียบเทียบไว้เป็น 4 ระดับ ดังนี้
น้ำหนักเท่ากับ 4 ช่วงคะแนน 100-90 เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์ที่ได้ ดีมาก
น้ำหนักเท่ากับ 3 ช่วงคะแนน 89-70 เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์ที่ได้ ดี
น้ำหนักเท่ากับ 2 ช่วงคะแนน 69-50 เปอร์เซ็นต์
เกณฑ์ที่ได้ พอใช้
น้ำหนักเท่ากับ 1 ช่วงคะแนน 49-30
เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์ที่ได้ ปรับปรุง
สรุปผลการประเมินแนวทางเลือกที่ 2
สรุปผลการประเมินแนวทางเลือกและคัดเลือกว่าจ้างบริษัทติดตั้งระบบ B มาใช้งาน เนื่องจากมีความเหมาะสมและตรงกับความต้องการมากที่สุด
แนวทางเลือกที่ 3: ใช้ทีมงานเดิมพัฒนาและติดตั้งระบบ มีรายละเอียดเพิ่มเติมดังตารางต่อไปนี้
การประเมินแนวทางเลือกที่ 3 ไม่มี ในที่นี้ไม่มีข้อเปรียบเทียบ
สรุปผลการประเมินแนวทางเลือกที่ 3
ทางทีมงานพิจารณาแล้วว่า มีขีดความสามารถที่จะพัฒนาระบบได้ตามข้อกำหนดคุณสมบัติทางเทคนิคและความต้องการของผู้ใช้งานตามที่จัดทำ
โดยใช้ระยะเวลาดำเนินการจำนวนทั้งสิ้น 6 เดือน
และมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจำนวนเงินทั้งสิ้น 300,000 บาท (ค่าเงินเดือน ค่าอุปกรณ์ ค่าล่วงเวลา
ค่าเบ็ดเตล็ด และค่าสำ รองฉุกเฉิน เป็นต้น)
เปรียบเทียบแนวทางเลือกทั้งสาม
ผลจากการพิจารณาแนวทางเลือกของทีมงานจากทั้งสามแนวทาง จะนำ
เสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะผู้บริหารเพื่อพิจารณา เลือกแนวทางตามที่ได้นำ
เสนอจากทีมงานพัฒนา พร้อมข้อเสนอแนะในแต่ละแนวทางเลือกหลักทั้งสาม
โดยมีรายละเอียดดังนี้
ผู้บริหารเลือกแนวทางที่ดีที่สุด
หลังจากหัวหน้าทีมงานได้เสนอแนวทางเลือก
โดยจัดทำข้อมูลเปรียบเทียบและข้อเสนอแนะแก่ทีมผู้บริหาร
โดยใช้กฎเกณฑ์การให้น้ำหนัก (คะแนน) ดังตารางต่อไปนี้
สรุปผลการประเมินโดยทีมงานผู้บริหาร
ทางทีมงานผู้บริหารได้พิจารณาตัดสินใจเลือกแนวทางใช้ทีมงานเดิมพัฒนาและติดตั้งระบบ
(In-House Development) เนื่องจากมีความเหมาะสมและตรงกับความต้องการมากที่สุด
นอกจากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและความคุ้มค่าในการลงทุนแล้ว
ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีของพนักงานภายในบริษัท
พร้อมทั้งได้กำหนดมาตรการและมอบหมายแก่ผู้บังคับบัญชาโดยตรง
คอยควบคุมดูแลทีมงานพัฒนาให้ดำเนินการเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้
ขั้นตอนที่ 2
การเริ่มต้นและวางแผนโครงการ
เป้าหมาย
นำระบบสาระสนเทศเพื่อการพัฒนาระบบการตลาด การประชาสัมพันธ์และระบบบุคคลของบริษัทเพื่อสร้างรายได้แก่บริษัทและความพึงพอใจของลูกค้า
วัตถุประสงค์
โครงการการพัฒนาระบบการตลาด การประชาสัมพันธ์และระบบบุคคลของบริษัท
มีวัตถุประสงค์ของการดำเนินงานเพื่อวิเคราะห์ ออกแบบ และพัฒนาให้เป็นระบบงานตลาดและการประชาสัมพันธ์ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้ ได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพ
ขอบเขตของระบบ
โครงการพัฒนาระบบการการพัฒนาระบบคลังสินค้าได้มีการจัดทำขึ้นโดยการว่าจ้างบริษัท B มารับผิดชอบโครงการ
พร้อมกันนี้ได้กำหนดขอบเขตของระบบนี้มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ระบบต้องมีการวางแผนการตลาด
ระบบต้องทำงานได้เร็วและสะดวก
ระบบต้องมีการประชาสัมพันธ์ที่ดึงดูดลูกค้า
ระบบมีการผิดพลาดที่น้อยที่สุด
ระบบต้องมีความถูกต้องและแม่นยำได้
ปัญหาที่พบจากระบบเดิม
1.เอกสารมีจำนวนมากทำให้จัดเก็บไม่เป็นระเบียบและเสี่ยงต่อการสูญหายได้ง่าย
2. การค้นเอกสารระหว่างการทำงานหรือค้นหาย้อนหลังทำได้ยาก
เนื่องจากเอกสารมากทำให้เสียเวลา
3. เวลามีสินค้าเข้าใหม่ จดบันทึกได้ยาก
4. การตรวจสอบทำได้ยาก เนื่องจากเอกาสารมีมาก
5. เสี่ยงต่อการปลอมแปลงเอกสารง่าย
6. หากมีการทำรายการผิดพลาดจะก่อให้เกิดความเสียหาย
แนวทางในการพัฒนา
การพัฒนาระบบของบริษัท Oishi
เป็นการพัฒนาระบบในส่วนของ ของระบบกาตลาดและระบบบุคคล ประชาสัมพันธ์
ในส่วนของระบบการตลาดในบริษัทเพื่อเพิ่มรายได้ของบริษัท สร้างภาพพจน์ที่ดีขึ้น
ตามความต้องการในระบบใหม่ที่ทีมงานได้รวบรวมจากผู้ใช้ที่เกี่ยวข้องดังกล่าว
และผ่านการอนุมัติให้ดำเนินโครงการแล้วจากนั้นจึงได้จำ ลองขั้นตอนการทำ
งานของระบบใหม่นำเสนอให้ผู้บริหารและผู้ใช้ระบบเพื่อตรวจสอบความถูกต้องและนำ
มาแก้ไขให้ตรงตามความต้องการ
1. การค้นหาและเลือกสรรโครงการ
2. การเริ่มต้นและการวางแผนโครงการ
3. การวิเคราะห์ระบบ
4. การออกแบบเชิงตรรกะ
5. การออกแบบเชิงกายภาพ
6. การพัฒนาและติดตั้งระบบ
7. การประชาสัมพันธ์
1.
ทีมงานรับผิดชอบโครงการ
ทีมงานผู้รับผิดชอบโครงการที่จะได้รับมอบหมาย
คือ บุคลากรแผนกการตลาดทั้ง3 คนจะดำรงตำแหน่งหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
ดังต่อไปนี้
พนักงานการตลาด มีหน้าที่ ตรวจสอบการเคลื่อนไหวการตลาด
เก็บรวบรวมข้อมูลการส่งออกสินค้าให้แก่ลูกค้าและติดต่อประสานงานแก่ด้านอื่นๆ
บุคลากรการคลังสินค้า
มีหน้าที่
ตรวจสอบความถูกต้องของสินค้าที่จะส่งออกไปจำหน่ายแก่ลูกค้าเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด
ประชาสัมพันธ์
มีหน้าที่ ประชาสัมพันธ์ บอกรายละเอียดคุณสมบัติแก่ลูกค้า
เพื่อให้ลูกค้าเกิดความเชื่อถือในการซื้อสินค้าของบริษัท
2. ประมาณการใช้แหล่งทรัพยากร
ปัจจุบันทางบริษัทใช้ระบบเครือข่าย LAN อยู่แล้วมีรายละเอียดต่อไปนี้
1.เครื่องแม่ข่าย server จำนวน 1 เครื่อง
2.เครื่องลูกข่าย (Workstation) จำนวน7 เครื่อง
3.เครื่องพิมพ์ (Printer) 3 เครื่อง
สรุปแล้วงบประมาณที่ใช้พอสรุปในของแต่ละฝ่ายได้ดังนี้
1. ผู้จัดการ
ค่าตอบแทนสำหรับทีมงานพัฒนา
พนักงานการตลาด
บุคลากรคลังสินค้าและประชาสัมพันธ์
400000
2.พนักงาน
ฝึกอบรมพนักงานและผู้บริหาร 10 คน
20000
วันฝึกอบรมผู้ดูแลระบบ
2000
3.จัดชื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์:
เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้เป็นworkstation
80000
อื่นๆ
18000
4.ค่าใช้จ่ายระหว่างดำเนินงาน
ค่าบำรุงระบบ
25000
จัดชื่อเก็บข้อมูลสำรอง
15000
รวม
740000
ประมาณการระยะเวลาดำเนินงาน
ระยะเวลาการดำเนินงานของโครงการส่งเสริมการขาย
จะใช้เวลาประมาณ 3 เดือนจากเดือนสิงหาคม 2555 ถึงเดือนตุลาคม 2555 เป็นระยะเวลาในการดำเนินงานของการพัฒนาระบบของบริษัท
ระยะเวลาดำเนินงาน
- จำนวนวันที่ทีมงานต้องดำเนินงานไม่รวมวันหยุด
อาทิตย์ละ6 วัน
- จำนวนชั่วโมงจริงในการทำงานในแต่ละวัน
หรือส่วนหนึ่งของการประมาณระยะเวลาที่กำหนดไว้ นั่นคือ 8 ชั่วโมงต่อวัน ไม่รวมช่วงพักเที่ยง
รายงานสรุปผลสำหรับผู้บริหาร
จากการที่ได้ศึกษาโครงการส่งเสริมการขายปัญหาที่พบในระบบ
ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการปฏิบัติงานของบริษัท พนักงาน และอาจจะส่งผลต่อลูกค้า
เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของการปฏิบัติงาน ในด้านการบริการ และทางระบบสารสนเทศ
ทางบริษัทจึงต้องจัดทำแผนพัฒนาระบบใหม่ขึ้น
เพื่อที่จะนำไปพัฒนาระบบบริษัทเครื่องดื่มต่างๆ
ทั้งนี้ทางทีมงานจึงได้พัฒนาระบบ และได้ศึกษาความเป็นไปได้ทั้ง 3 ด้านของระบบนี้ประกอบด้วย
ความเป็นไปได้ทางการตลาด ความเป็นไปได้ทางการปฏิบัติงาน
และความเป็นไปได้ทางด้านระยะการดำเนินงาน จะเป็นข้อมูลไว้ช่วยสนับสนุนโดยนำมาใช้งานดังต่อไปนี้
1. ความเป็นไปได้ทางด้านเทคนิค ทำการศึกษาทั้งทางด้าน Hardware และ Softwareของระบบเดิม
ปรากฏว่าใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เชื่อมต่อบนเครือข่ายแบบ LAN
Application ที่ใช้ได้แก่
- Microsoft Excel
- Microsoft Word
- โปรแกรมสำเร็จรูปเพื่องานคลังสินค้า
2. ความเป็นไปได้ทางด้านการปฏิบัติงาน ทำการศึกษาทางด้านการปฏิบัติงานของผู้ใช้กับระบบใหม่ที่จะนำมาใช้ จากการสอบถามข้อมูลพบว่า
ระบบใหม่มีความเป็นไปได้ในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับการบริหารงานบุคคลที่มีอยู่เดิม
ทั้งยังสามารถใช้ข้อมูลร่วมกันได้
ซึ่งช่วยลดปัญหาการนำข้อมูลที่ไม่ถูกต้องไปใช้งานได้
และลดขั้นตอนการทำงานที่ซ้ำซ้อนลงได้
3. ความเป็นไปได้ทางด้านระยะเวลา ระยะเวลาในการดำเนินงานของโครงการพัฒนาระบบ
ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 3 เดือน ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2555 ถึง เดือนตุลาคม 2555 ในการดำเนินงานพัฒนาระบบของบริษัท
ขั้นตอนที่ 3
การกำหนดความต้องการของระบบ
การกำหนดความต้องการของระบบ
เมื่อโครงการพัฒนาระบบการตลาด
ได้รับการอนุมัติจากการนำเสนอโครงการในขั้นตอนที่ผ่านมา
ดั้งนั้นจึงเริ่มต้นด้วยความการเก็บรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม
เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากระบบเดิม ในการกำหนดความต้องการครั้งนี้
ทีมงานเลือกใช้วิธีการออกแบบสอบถาม (Questionnaire)
- ออกแบบสอบถาม
(Questionnaire)
บุคคลผู้ตอบแบบสอบถามคือ “พนักงานการตลาด” การใช้แบบสอบถามเพื่อเก็บข้อมูลในส่วนที่ต้องการพัฒนา เนื่องจากทีมงานสามารถควบคุมหัวข้อคำถามที่ต้องการรายละเอียดได้มากกว่าการสัมภาษณ์
ไม่ต้องมีกาจดบันทึก ไม่รบกวนเวลาทำงานของพนักงานการตลาดมากนัก
สามารถเก็บข้อมูลได้มากตามการตั้งคำถามในแบบสอบถาม
อีกทั้งผู้ตอบแบบสอบถามจะรู้สึกมีอิสระในการให้ข้อมูล
ข้อมูลและเอกสารของระบบงานเดิมที่รวบรวมได้
จากการที่ทีมงานได้เก็บรวบรวมข้อมูลของระบบเดิม
ด้วยวิธีการออกแบบสอบถาม สามารถสรุปข้อมูลที่ได้รับดังนี้
1. ข้อมูลระบบคอมพิวเตอร์ของระบบเดิม
2. ความต้องการในระบบใหม่
3. ตัวอย่างเอกสาร
แบบฟอร์ม และรายงานของระบบเดิม
1. ข้อมูลระบบคอมพิวเตอร์ของระบบเดิม
ทางบริษัทใช้ระบบเครือข่าย LANประกอบด้วย1.1 เครื่องแม่ข่าย จำนวน 1 เครื่อง
ใช้ซอฟต์แวร์เครือข่าย Windows Server 2007
1.2 เครื่องลูกข่าย
จำนวน 10 เครื่อง ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows
XP
และซอฟต์แวร์สำหรับงานสำนักงาน Microsoft Office 2007
- ฝ่ายการขายใช้ซอฟต์แวร์ Microsoft
Excel ในการคำนวณยอดขายสินค้าของแต่ละวัน
- ฝ่ายคลังสินค้าใช้ซอฟต์แวร์สำเร็จรูประบบคลังสินค้า
1.3 อุปกรณ์ต่อพ่วง
ได้แก่ เครื่องพิมพ์เลเซอร์จำนวน 3 เครื่อง
2. ความต้องการในระบบใหม่
2.1 คำนวณจำนวนสินค้าอัตโนมัติ
2.2 สามารถแจ้งเตือนเมื่อมีการขาดส่งสินค้าเกินกำหนดได้อัตโนมัติ
2.3 สามารถคำนวณสินค้าทั้งหมดที่ส่งแล้ว
2.4 สามารถค้นหาข้อมูลของลูกค้าได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น
3. ความต้องการของระบบใหม่ของผู้ใช้
จากการรวบรวมความต้องการของระบบใหม่ทำให้ทีมงานได้ข้อมูลเพิ่มเติม
จังได้นำมาวิเคราะห์หาขั้นตอนการทำงานของระบบใหม่ตามความต้องการดังนี้
1. สามารถเรียกดูข้อมูลได้รวดเร็วขึ้น
2. สามารถแก้ไข ปรับปรุงข้อมูลได้โดยสะดวก
3. เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
4. การจัดทำรายงานมีความสะดวกรวดเร็วขึ้น
5. พนักงานทุกฝ่ายสามารถใช้ข้อมูลร่วมกันได้
เพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการดังกล่าว
สามารถแบ่งการทำงานออกเป็น 3 ระบบดังนี้
1. ระบบการส่งเสริมการตลาด จะสร้างความเชื่อมั่น และกระตุ้นการตลาด
มุ่งสู่ผู้บริโภค และเป็นการสนับสนุนให้เกิดแรงจูงใจในการซื้อสินค้ากับทางบริษัท
2. ระบบบุคคล เป็นระบบที่ทำการตรวจเช็คสินค้าให้เพียงพอแก่การส่งออกในท้องตลาด
3. ระบบประชาสัมพันธ์ เป็นระบบที่เกี่ยวข้องกับการประชาสัมพันธ์สินค้า
รวมทั้งการบอกรายละเอียด คุณสมบัติ ของสินค้า เพื่อให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจ พอใจ
ในการซื้อสินค้านั้นๆ
ขั้นตอนที่ 4
แบบจำลองขั้นตอนการทำงานของระบบ
จาการวิเคราะห์ความต้องการระบบใหม่ที่รวบรวมมาได้จากผู้ใช้ระบบ
โดยสามารถจำลองได้ด้วยแผนภาพกระแสข้อมูล (Data Flow Diagram) ดังนี้
อธิบาย Context Diagram
Context Diagram ระบบบัญชี เป็นระบบการทำงานจัดการรายได้และรายจ่ายของบริษัทรวมถึงการจัดสรรเงินงบประมาณให้กับแผนกต่างๆ
มีผู้ใช้ระบบคือหัวหน้าบัญชีกับพนักงานบัญชี ซึ่งมีสิทธ์และหน้าที่การใช้งานดังนี้
หัวหน้าบัญชี
- เข้าระบบได้ เป็นผู้เพิ่ม/ลบ/
- เรียกดูข้อมูลสินค้า ทั้งในปัจจุบันและย้อนหลังได้
พร้อมสั่งพิมพ์รายงานได้
-
สามารถดูการสั่งซื้อสินค้าของลูกค้าได้
พนักงานบัญชี
- เข้าระบบได้ สามารถเพิ่ม/ลบ/แก้ไข
ข้อมูล
- เรียกดูข้อมูลสินค้า
ทั้งในปัจจุบันและย้อนหลังได้ พร้อมสั่งพิมพ์รายงานได้
อธิบาย Dataflow
Diagram Level 0
Process 1.0 ระบบ Log-in
ผู้ใช้ระบบจะต้องทำการล็อกอินเพื่อเข้าไปใช้ระบบ
ระบบจะทำการตรวจสอบข้อมูลที่มีอยู่ในแฟ้มข้อมูล D1 ถ้าข้อมูลถูกต้องก็จะสามารถเข้าใช้ระบบได้
แต่ถ้าข้อมูลไม่ถูกต้องระบบจะแจ้งกลับไปยังผู้ใช้
Process 2.0 ระบบการสั่งซื้อ
หัวหน้าแผนกคลังสินค้าสามารถเข้าไประบบเพื่อไปดูข้อมูลที่ลูกค้าสั่งซื้อได้
Process 3.0 ระบบสินค้า
พนักงานสามารถเรียกดูข้อมูลสินค้าได้
Process
4.0 ระบบพิมพ์รายงาน
สามารถพิมพ์รายงานข้อมูลสินค้าได้
อธิบาย Dataflow
Diagram Level 1
Process 1.1 ระบบ Log-in
ผู้ใช้ระบบจะต้องทำการล็อกอินเพื่อเข้าไปใช้ระบบ
ระบบจะทำการตรวจสอบข้อมูลที่มีอยู่ในแฟ้มข้อมูล D2 ถ้าข้อมูลถูกต้องก็จะสามารถเข้าใช้ระบบได้
แต่ถ้าข้อมูลไม่ถูกต้องระบบจะแจ้งกลับไปยังผู้ใช้
Process 2.1 ระบบสังซื้อสินค้า
หัวหน้าแผนกสามารถเข้าไปดูว่าลูกค้าสั่งซื้อะไรบ้าง
Process 3.1 ระบบสินค้า
สามารถดูข้อมูลสินค้าที่ยังมิยู่ในคลังเพื่อทำการสั่งซื้อ
Process 1.2 ระบบ Log-in
ผู้ใช้ระบบจะต้องทำการล็อกอินเพื่อเข้าไปใช้ระบบ
ระบบจะทำการตรวจสอบข้อมูลที่มีอยู่ในแฟ้มข้อมูล D4 ถ้าข้อมูลถูกต้องก็จะสามารถเข้าใช้ระบบได้
แต่ถ้าข้อมูลไม่ถูกต้องระบบจะแจ้งกลับไปยังผู้ใช้
Process 2.2 ระบบสินค้า
สามารถดูข้อมูลสินค้าที่ยังมิยู่ในคลังเพื่อเช็คสินค้า
ว่าเม่าไร วันที่ วันหมดอายุ จำนวนสินค้า รยการสินค้า
ขั้นตอนที่5
การออกแบบ User
Interface
หน้า log in ผู้เข้าใช้งานจะต้องกรอก username และ passwordเพื่อ log in เข้าสู่ระบบก่อนทุกครั้งจึงจะสามารถทำงานในระบบได้
ระบบสั่งซื้อ
เรียกดูรายการสินค้าที่ลูกค้าสั่งซื้อ
ระบบรายจ่าย -นำเอารายรับที่ได้ มาคำนวณ รายรับทั้งหมด
ระบบสินค้า
เช็คสินค้าที่มีอยู่ในคลัง ดูประเภทสินค้า อายุผลิตภัณท์ จำนวน
สามารถพิ่มลบแก้ไข ข้อมูลได้
ขั้นตอนที่ 6
การพัฒนาและติดตั้งระบบระบบ
ทีมงานได้จัดทำ คู่มือและเอกสารการใช้โปรแกรมของระบบตรวจเช็คสินค้าเพื่อให้ผู้ใช้ระบบสามารถเข้าใจการทำงานของโปรแกรมได้มากยิงขึ้น
โดยมีรายละเอียดดังนี้
1 ระบบลอกอิน เป็นระบบที่สามารถเข้าสู่ระบบเพื่อ เข้าไปเพิ่มลบแก้ไขข้อมูลได้
2 ระบบสั่งซื้อ เปนการจัดการการสั่งซื้อสินค้าขอลลูกค้า
3 ระบบสินค้า เป็นการจัดการรายการสินค้าที่มีอยู่ในคลัง
ขั้นตอนที่ 7
การซ่อมบำรุง
การซ่อมบำรุงนั้นจะขึ้นอยู่กับผู้พัฒนาระบบว่าระบบนั้นมีปัญหาอะไรบ้างจะอยู่ในความดูแลของผู้พัฒนาระบบมีการดูแลระบบอย่างต่อเนื่อง
ผู้พัฒนาระบบจะค่อยอัพเดตซอฟต์แวร์ใหม่ๆที่ทันสมัยเพื่อให้โปรแกรมใช้ง่ายขึ้นกว่าเดิมและเพิ่มประสิทธิภาพ
หากมีปัญหาเกิดขึ้นผู้พัฒนาระบบจะทำการซ่อมแซมระบบอย่างรวดเร็ว